สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิก ลดลง 61 เซนต์ ที่ระดับ 86.57 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 11.58 น.ตามเวลาลอนดอน หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปทานน้ำมันในสหรัฐเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันตลาดก็กังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของสหรัฐ ราคาน้ำมันขยับลงหลังจากที่การปิโตรเลียมสหรัฐ (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 23 พ.ย. เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 268,000 บาร์เรล และ สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล ขณะเดียวกันนักลงทุนยังจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุด วันที่ 23 พ.ย.ของสหรัฐ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวในเวลา 22.30 น.ตามเวลาไทยในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.3-1.5 ล้านบาร์เรล, สต็อกน้ำมันกลั่นจะเพิ่มขึ้น 800,000-850,000 บาร์เรล, สต็อกน้ำมันเบนซินจะเพิ่มขึ้น 1.2-1.3 ล้านบาร์เรล และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันอาจเพิ่มขึ้น 0.5% นอกจากนั้นราคาน้ำมันยังลดลงเพราะความกังวลเกี่ยวกับการคลังของสหรัฐ หลังจากที่นายแฮร์รี รี้ด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ เปิดเผยว่า การเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง หรือ fiscal cliff แทบจะไม่มีความคืบหน้า ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่าสหรัฐจะไม่สามารถ หลีกเลี่ยงภาวะการปรับลดค่าใช้จ่ายและการขึ้นภาษีวงเงินรวม 6 แสนล้านดอลลาร์โดยอัตโนมัติในต้นปีหน้าได้